ประวัติ ของ มิชชาเอล บัลลัค

มิชชาเอล บัลลัค เกิดที่เมืองเกอร์นิทซ์ และเริ่มต้นเล่นฟุตบอลที่โรงเรียน Chemniz ในระดับมัธยมศึกษา ก่อนจะเข้าร่วมกับทีม Karl-Marx-Stadt FC ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Chemnitzer

1995-1996เขากลายเป็นนักเตะของสโมสร Chemnitzer และลงเล่นในฐานะนักเตะดาวรุ่งของทีม และลงเล่นไปทั้งหมด 15 นัด

1996-1997เขากลายเป็นตัวหลักของทีม และยิงประตูครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1996 ในเกมกับทีม Dynamo Dresden ช่วยให้ทีมชนะ 1-0 โดยในฤดูกาลนี้เขาได้ลงทั้งหมด 34 นัด และทำได้ 10 ประตู ด้วยฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ของเขาทำให้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดยู-21 ของเยอรมัน

1997-1998ด้วยฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างดี บัลลัค จึงถูกไคเซิร์สเลาเทิร์นทีมน้องใหม่ในบุนเดิสลีกาดึงตัวมาร่วมทีม โดยลงเล่นในบุนเดิสลีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1997 ในเกมพบกับคาร์สลูห์ ซึ่งลงเล่นในฐานะตัวสำรอง รวมเบ็ดเสร็จฤดูกาลนี้ลงเล่นทั้งสิ้น 16 นัด และในปีนี้เองที่อ๊อตโต้ เรหาลเก้นเทรนเนอร์ของทีมสร้างสิ่งมหรรศจรรย์ด้วยการพาทีมไคเซิร์สเลาเทิร์น เป็นแชมป์บุนเดิสลีกาทั้งที่ทีมพึ่งจะเป็นปีแรกที่เลื่อนชั้นจากลีก้า 2 ทำให้เขามีชื่อในฐานะนักเตะทีมแชมป์บุนเดิสลีกาอีกด้วย

1998-1999เขากลายเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลนี้ และระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ซึ่งประตูแรกของเขาใน บุนเดิสลีกาเกิดจากลูกฟรีคิก ในนาทีที่ 67 ของเกมที่ปะทะ ฮันซ่า รอสต๊อค และช่วยให้ทีมเสมอไป 2-2 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1998 โดยในฤดูกาลนี้เขาจัดการซัดไป 4 ประตูจาก 30 เกมด้วยวัยที่ยังอายุน้อย และผลงานที่ค่อนข้างดีกับ ไคเซิร์สเลาเทิร์น ทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมัน และเป็นความหวังที่จะเป็นสายเลือดใหม่ของทีม เขาถูกส่งลงสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1999 ในเกมพบกับสกอตแลนด์

1999-2000ด้วยผลงานที่โดดเด่นเหลือเกินกับ ไคเซิร์สเลาเทิร์น ทำให้ เลเวอร์คูเซ่นทีมชั้นนำของบุนเดิสลีกาดึงตัวมาร่วมทีมด้วย ค่าตัว 8 ล้านมาร์กเยอรมัน โดยในฤดูกาลนี้ลงเล่น 23 เกมในลีกและทำได้ 2 ประตู แล้วยังยิงอีก 2 ประตูในบอลยูฟ่าคัพ 2 นัดอีกด้วย และในท้ายฤดูกาลยังช่วยพาทีมทำอันดับไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ได้สำเร็จ ในระดับทีมชาติ มิชชาเอล บัลลัค ถูกเรียกตัวติดทีมอยู่บ่อยครั้ง และได้ลงเล่นอีกหลายดนัด แต่ก็ยังไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม และในยูโร 2000 เขาได้ลงเล่นเพียงแค่ 63 นาทีเท่านั้น

2000-2001มิชชาเอล บัลลัค ยกระดับตัวเองขึ้นสู่นักเตะชั้นแนวหน้าของเยอรมันกลายเป็นคนสำคัญของทีมโดยลงเล่นในลีก 27 นัดซัดไป 7 ประตู และอีก 1 ประตูจาก 5 เกมแชมเปี้ยนลีก กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นนักเตะชั้นนำของโลกได้ในไม่ช้าในนามทีมชาติเขาก็เป็นตัวหลักของทีมชาติเยอรมัน ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอย่างสม่ำเสมอ และทำประตูได้นัดแรกในวันที่ 28 มีนาคม 2001ในเกมกับกรีซ ด้วยลูกจุดโทษในนาทีที่ 25 เอาชนะไป 2-1

2001-2002เป็นอีกฤดูกาลที่น่าจดจำสำหรับเขา เพราะเขาเป็นจอมทัพพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยสำคัญถึง 2 รายการ คือยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก และเดเอ็ฟเบ โพคาล แต่ก็เป็นได้แค่รองแชมป์ทั้งสองรายการ นอกจากนี้ยังเป็นรองแชมป์บุนเดิสลีกาอีกด้วย โดยรวมเป็ดเสร็จเขาลงเล่น 29 นัดในลีก ทำได้ 17 ประตู และอีก 6 ประตูจาก 15 นัดในแชมเปี้ยนลีก กลายเป็นความทรงจำที่ไม่น่าประทับใจนักกับการเป็นรองแชมป์ถึง 3 ถ้วยเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเยอรมัน หรือ Germany’s Footballer of the Year และรางวัลสุดยอดมิดฟิลด์ของยุโรป จากยูฟ่าอีกด้วยในปี 2002 มีฟุตบอลโลกที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น มิชชาเอล บัลลัค ลงเล่นอย่างโดดเด่นและพาทีมชาติเยอรมันทะยานเข้าสูรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ในเกมนัดชิงชนะเลิศเข้าไม่สามารถลงเล่นได้เพราะติดโทษแบน จึงทำให้เยอรมันขาดจอมทัพคนสำคัญไป และในที่สุดเยอรมันก็พ่ายบราซิลไป 2-0 จึงทำให้บัลลัคกลายเป็นรองแชมป์อีกครั้งหนึ่ง

2002-2003มิชชาเอล บัลลัค ถูกดึงมาร่วมทีม ไบเอิร์นมิวนิก ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร และหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้เสียที โดยเขาลงเล่นในลีก 26 นัดยิงได้ 10 ประตู และ 1 ประตูจาก 7 นัดใน แชมเปี้ยนลีก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็สารมารถพาทีมขึ้นเป็นแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ สานความฝันของเขาได้เสียที

2003-2004ในปีนี้ มิชชาเอล บัลลัค และทีมไบเอิร์นมิวนิกโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก ทำได้เพียงแค่รองแชมป์บุนเดิสลีกา และไม่มีถ้วยใด ๆ ติดมือเลย โดยเขายิงได้ 7 ประตูจาก 28 นัดในลีก และลงเล่น 8 นัดในแชมเปี้ยนลีกแต่ยิงประตูไม่ได้เลยเขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมันเพื่อลุยยูโร 2004 ที่โปรตุเกส แต่ก็ต้องมาอยู่ร่วมสายกับ สาธารณรัฐเช็ค ฮอลแลนด์ และลัตเวีย ซึ่งเขาและทีมต้องกระเด็นตกรอบแรกหลังจากเสมอฮอลแลนด์ และลัตเวีย ตามด้วยแพ้สาธารณรัฐเช็ค สร้างความช้ำใจให้กับตัวเขาและทีมชาติเป็นอย่างมาก และหวังจะแก้ตัวให้สำเร็จในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน

2004-2005เป็นอีกครั้งที่เขาพาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างยิ่งใหญ่ในเยอรมัน เพราะคว้าดับเบิ้ลแชมป์เยอรมันได้อีกครั้ง คือแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล โดยทำได้ 12 ประตูจาก 27 นัดในลีกและ 2 ประตูจาก 9 นัดในแชมเปี้ยนลีกเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมเยอรมัน หรือรางวัล Germany’s Footballer of the Year Winner of the "Bambi"-Award ซึ่งถือเป็นรางวัลสุดยอดนักเตะเยอรมัน และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิง FIFA World Footballer of the Year อีกด้วย

2005-2006คว้าดับเบิ้ลแชมป์เยอรมันได้อีกครั้ง คือแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล ซึ่งก็ทำได้อย่างสบาย ๆ โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดมิดฟิลด์คนหนึ่งของโลก มีความครบเครื่องทั้งเกมรุกและรับ รวมทั้งยังยิงประตูจากแถวสองได้เป็นอย่างดี เขาทำได้ 14 ประตูจาก 26 นัดในลีก

2006-2007เป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้ย้ายมาสู่สโมสรเชลซี หลังจากหมดสัญญากับทีมไบเอิร์นมิวนิกโดยย้ายตัวมาแบบฟรีๆ ซึ่งเขาลงเล่นลีกไปทั้งหมด 26 นัด ทำได้ 5 ประตู เอฟเอคัพ 9 นัด ทำได้ 1 ประตู และแชมเปี้ยนลีก 10 นัด ทำได้ 2 ประตู แม้จะโชว์ฟอร์มตกลงจากเดิม แต่ก็เนื่องมาจากการที่เขาต้องใช้เวลาปรับตัวกับรูปแบบเกมฟุตบอลที่เร็วและหนักหน่วงมากขึ้นในอังกฤษนั่นเอง แต่ทั้งนี้เขาก็คว้าแชมป์ได้กับเชลซีถึงสองรายการคือ เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสรใหม่

ใกล้เคียง

มิชชาเอล บัลลัค มิชชาเอล ชูมัคเคอร์ มิชชาเอล ลัง (นักฟุตบอล) มิชชาเอล ฟัสเบ็นเดอร์ มิชชาเอล ยุง มิชชาเอล วิทมัน มิชชาเอลา ฟ็อน ฮาพส์บวร์ค มิชชาเอล ซอร์ค มิชชาเอล เอ็นเดอ มิชชาเอล เจ้าชายแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค